บุรีรัมย์ทำได้ : Buriram Marathon Festival

บุรีรัมย์ทำได้
Buriram Marathon Festival
จะมีที่ไหนที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งที่มาเยือน ผมมาวิ่งที่งาน Buriram Marathon Night Run เป็นปีที่ 2 ติดกัน ไม่น่าเชื่อว่าการมาวิ่งครั้งที่ 2 จะทำให้ผมมีความประทับใจมากกว่าครั้งที่ 1 ซึ่งนับเป็นเรื่องยากมาก เพราะทฤษฎีการประทับใจครั้งแรก หรือ First Impression นับเป็นทฤษฎีทางด้านจิตวิทยาที่ทำให้ทุกคนบนโลกใบนี้ประทับใจครั้งแรกมิรู้ลืม แต่ครั้งที่สองทุกคนต่างไม่การันตี เปรียบเสมือนรักแรกในวัยแตกหนุ่มสาวที่เราเจอกันรั้งแรก แต่ครั้งหลังก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกจะเป็นเช่นไร แต่นี่มันคือชีวิตจริงในวันที่เราผ่านโลกร้อนหนาวมาพอสมควร ที่ความประทับใจกลับเพิ่มมากกว่าเดิม
อาจเป็นเพราะอากาศในงานวิ่งเมื่อเย็นวันที่ 21 มกราคม 2566 เป็นใจอย่างมาก ด้วยอุณหภูมิการวิ่งประมาณ 17 องศา ที่เปรียบเสมือนสวรรค์ของนักวิ่งทั้งชาวไทยและต่างประเทศ จึงทำให้การวิ่งคราวนี้ดูมีรสชาติเหมือนการวิ่งในเขตประเทศอากาศหนาวซึ่งทำให้เงื่อนไขการวิ่งมีความสุดยอดเป็นอย่างมาก แต่นั่นผมว่าไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเท่ากับเงื่อนไขของความเป็นจังหวัดบุรีรัมย์ที่ตอนนี้กลายเป็นเมืองกีฬาระดับโลกไปแล้ว
"ขอบคุณนะลูกที่ทำให้ชาวบุรีรัมย์มีความสุข" คือประโยคที่ผมได้ยินแล้วมันคงจะติดหูผมไปตลอดชีวิต กับเสียงตุณตาคุณยายและพี่ป้าน้าอาที่ร้องบอกนักวิ่งทุกคนในขณะที่เราวิ่งผ่าน โดยเฉพาะในเขตรอบนอกเมืองในยามค่ำคืนแม้อากาศจะหนาวเย็นเพียงใด
ในทัศนะผมแล้ว ผมว่างานวิ่งที่บุรีรัมย์มันไม่ใช่แค่ง่านวิ่ง หากแต่มันคือบุญประเพณีคล้ายฮีต 12 คอง 14 ในแบบฉบับของชาวอีสาน แต่ที่มีความพิเศษมากกว่านั้นคือมันเป็นฮีตที่ถูกสร้างขึ้นมาบนความปัจจุบันที่มีค่านิยมร่วมสมัยโดยการเอางานกีฬามายึดโยงความสำคัญที่ผสมกับประเพณีท้องถิ่นคลุเคล้ากับวัฒนธรรมการชื่นชมคนหรือที่ภาษาฮีสานเรียกว่า "ออนซอน" ซึ่งเป็นการชื่นชมและให้เกียรติพี่น้องต่างบ้านที่มาเยือนอย่างเต็มใจ
ผมมางานวิ่งที่บุรีรัมย์ปีนี้เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งในทุกครั้งผมจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเจ้าบ้านผู้ใจดี ที่เขาคงคิดว่าเรามามอบสิ่งงดงามให้พวกเขามากกว่ากว่าแค่มาวิ่ง
"ทุอย่างคือความร่วมมือ ผมก็ไปงานนี้เพราะคิดว่ามันเป็นความร่วมมือที่เราต้องทำ" คือประโยคที่เพื่อนรุ่นพี่ของผมผู้ให้การสนับสนุนที่พักและอาหารในทุกปีที่เรามาวิ่งเล่าให้ฟังจากใจในขณะที่เขากำลังจัดอุปกรณ์ดนตรีเพื่อเตรียมออกจากบ้านไปขึ้นวทีพร้อมกับเหล่าบรรดาศิลปินในฐานะวงดนตรีท้องถิ่นที่พวกเขาเต็มใจจะออกไปขับกล่อมให้นักวิ่งทุกคนที่วิ่งในสนาม
"มาอีกนะ ไม่อยากให้มาเฉพาะในช่วงเทศกาล" ก็เป็นอีกหนึ่งประโยคคำพูดของญาติอีกคน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านที่ผมมาพักด้วยเป็นปีที่ 2 ที่แกมองว่างานวิ่งไม่ได้เป็นแค่การจัดงานวิ่งเหมือนที่อื่นๆทำ หากแต่มันคือเทศกาลที่ทุกคนในจังหวัดต่างตระหนักร่วมกันว่า นี่คืองานของพวกเราที่ทุกคนมีส่วนเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
ในส่วนของมิติทางด้านเศรษฐกิจ จากการคำนวนเที่ยวนี้แหล่งข่าวหลายสำนักต่างรายงานเป็นข้อมูลเดียวกันว่า เมีงินสะพัดในช่วงจัดงานกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกินความคาดหมายเลย เพราะชาวบุรีรัมย์เขาจัดหนักจัดเต็ม ทุกหน่วยงานทั้งบ้าน วัด โรงเรียน และหน่วยงานทุกหมู่เหล่าต่างให้ความสำคัญเพราะนี่คือวาระของจังหวัดที่ทุกฝ่ายให้ความสำคัญ และในฐานะนักวิ่งระยะมาราธอน ผมรู้สู้สึกประทับใจตั้งแต่จุดสตาร์ทจนถึงสุดเข้าเส้นชัย ที่ทุกมีคนในเมืองบุรีรัมย์ต่างออกมาให้กำลังใจตลอดเส้นทางการวิ่ง พวกเขาคอยส่งเสียงตะโกน ยื่นมือมาแตะ และป้อนน้ำให้อาหาร ที่สำคัญขบวนรถแห่และเสียงเพลงที่แสดงในระหว่างทางทั้งซุ้มเล็กซุ้มใหญ่ก็ถือเป็นสีสันที่มหัศจรรย์ยิ่งที่ผมมองว่า "ในโลกนี้ไม่มีที่ไหนทำได้เหมือนบุรีรัมย์" ผมย้ำว่าในระดับโลกที่ไม่ใช่แค่ระดับประเทศ เพราะมันคุ้มเกินคุ้มสำหรับนักวิ่งขาแรงและนักวิ่งสมัครเล่น เพราะนี่มันคือสวรรค์ของนักวิ่งชัดๆ
งานวิ่งบุรีรัมย์มาราธอน 2023 ที่ผ่านมามีนักวิ่งระดับโลกมากมาย รวมๆแล้วมีนักวิ่งต่างชาติระดับแนวหน้ากว่า 20 คน ทั้งที่มาด้วยการเชิญของเจ้าภาพและสมัครมาด้วยตัวเอง จะไม่ให้มาได้อย่างไร เพราะเงินรางวัลสำหรับผู้แข่งขันที่ชนะเลิศทั้งชายและหญิงที่มากกว่าคนละ 1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรางวัลอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งรวมแล้วมีรางวัลกว่า 6 ล้านบาท ซึ่งต้องแสดงความดีใจกับนักวิ่งชายชาวเคนย่าทั้งหญิงและชายที่โกยเงินรางวัลคนละกว่า 1 บาท ในช่วงเย็นของเมื่อคืนที่ผ่านมา ในขณะที่นักวิ่งชายคนไทยอย่างสัญชัย นามเขต ผู้เป็นโค้ชให้ผมเมื่อปีที่แล้วก็คว้ารางวัลที่ 1 ของนักวิ่งชาวไทยประเภทชาย ได้เงินรางวัลและโบนัสพิเศษรวมแล้วคงไม่ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท ซึ่งรางวัลแค่นี้กับนักวิ่งระดับนี้ผมว่ามันคงไม่มากเกินไปสำหรับรางวัลของพวกเขาที่ได้รับ แต่มากกว่านั้นมันคือรางวัลแห่งคุณค่าทางจิตใจและความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณที่พวกเขาได้รับพลังอย่างเต็มๆ
นี่คือเวทีแห่งการปล่อยของชัดๆ มันคือพื้นที่การปลดปล่อยจุดเด่นทางวัฒนธรรม มันคือการเอาคุณค่าความงดงามของความเป็นวัฒนธรรมท้องถิ่นทั้งในนามวัฒนธรรมชาวอีสานใต้และวัฒนธรรมความเป็นสังคมไทยที่ชาวบุรีรัมย์พยายามโชว์ศักยภาพให้ชาวโลกได้ชื่นชม เพราะนอกจากนักวิ่งจะได้รับพลังอย่างล้นเหลือในทุกระยะระหว่างการวิ่งแล้ว ทุกคนที่มาเยือนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า "มันสุดยอดจริงๆ พวกเขาทำได้อย่างไร"
ในส่วนตัวผมเอง การวิ่งคราวนี้ก็เป็นสถิติที่ดีที่สุดในระยะมาราธอนของผมกับระยางทาง 42.195กิโลเมตร ด้วยระยะเวลา 4 ชั่วโมง 20 นาที 6 วินาที ทั้งที่ในใจคราวนี้กะจะมาวิ่งให้ได้ 4 ชั่วโมงครึ่ง แต่ด้วยอากาศที่เป็นใจผมจึงทำได้ดีกว่าที่ตั้งใจไว้ นับเป็นสถิติใหม่ส่วนตัวหรือ Personal Best (New PB) ที่ผมทำได้ แม้การวิ่งคราวนี้อาจมีอาการเจ็บเท้าอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าทำเวลาได้ดีเกินคาด และที่สำคัญงานนี้มีภรรยามาวิ่งด้วยในระยะ 10 กิโลเมตร ซึ่งเธอก็ทำเวลาได้ดีไม่แพ้กัน จึงนับได้ว่างานนี้เรามีความสุขกันทั้งครอบครัว
สรุปคือ "วิ่ง" ได้อะไรมากกว่าที่เราคิด เพราะมันเป็นทั้งมิตรแท้ และญาติที่เตือนเราให้มีสติที่คงทนต่อคำมั่นสัญญาของเราเอง
ขอบคุณบุรีรัมย์มาราธอน งานวิ่งที่เป็นมากกว่าการวิ่ง หากแต่มันคือเทศกาลสำคัญของชาวบุรีรัมย์ที่มีความปรารถนาดีต่อชาวโลกทุกคน
หมวดหมู่ : ทัศนะคติ
Tags :